ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชี ทรัพย์สิน ของ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม และครอบครัว รองปลัดมหาดไทย รวย 147 ล้านบาท มีหนี้ 4 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้เปิดเผยบัญชีของนาย ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณียื่นทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
โดยนายชัยวัฒน์ แจ้งว่า ตนเอง นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 147,204,877 บาท
เป็นทรัพย์สินของนายชัยวัฒน์ 38,977,937 บาท เป็นทรัพย์สินของนางกุลทรัพย์ 108,215,197 บาท เป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 11,742 บาท นายชัยวัฒน์ แจ้งว่า มีหนี้สินทั้งสิ้น 4,495,097 บาท ซึ่งเป็นหนี้สินจากเงินกู้ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น
ทั้งนี้ ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของผู้ยื่นและคู่สมรส จำนวน 24 รายการ มูลค่ารวมกัน 64,175,850 บาท ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในหลายเขตของ กทม. หลายอำเภอใน จ.นครราชสีมา และ จ.เลย
เงินลงทุนของผู้ยื่นและคู่สมรส มูลค่ารวมกัน 27,490,800 บาท เงินฝากของผู้ยื่น คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มูลค่ารวมกัน 16,859,613 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของผู้ยื่นและคู่สมรส จำนวน 12 ราย มูลค่ารวมกัน 20,978,532 บาท อาทิ ทาวน์เฮาส์ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา บ้านพักเดี่ยวที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี อาคารชุด เขตห้วยขวาง กทม. สิทธิและสัมปทานของผู้ยื่นและคู่สมรส มูลค่ารวมกัน 7,447,079 บาท ยานพาหนะในชื่อของคู่สมรส 1,800,000 บาท
ขณะที่รายการทรัพย์สินอื่นของผู้ยื่นและคู่สมรส จำนวน 15 รายการ มูลค่ารวมกัน 12,473,000 บาท ประกอบด้วย พระเครื่อง 61 องค์ พระบูชา 61 องค์ ภาพเขียนและภาพพิมพ์ 15 ชิ้น เฟอร์นิเจอร์โบราณ 39 ชิ้น ทองคำแท่ง น้ำหนัก 40 บาท ทองรูปพรรณและพระเลี่ยมทอง 13 ชิ้น สร้อยคอ 28 เส้น สร้อยข้อมือและกำไล 29 เส้น นาฬิกา 3 เรือน จี้เพชร 5 ชิ้น แหวน 25 วง ต่างหู 8 คู่ ชุดทองคำ 1 บาท
มงคลกิตติ์ เผยตนเดินทางถึงบุรีรัมย์แล้ว เตรียม มอบตัว หลังเจอหมายจับ ผิด พรบ.คอมพ์ฯ กรณีกล่าวหา ศักดิ์สยาม ว่าเป็นต้นเหตุแพร่เชื้อ นาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าตนถึงจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วและเตรียมเข้ามอบตัวในช่วงบ่าย หลังจากที่ ศาลแขวงบุรีรัมย์ อนุมัติหมายจับนายมงคลกิตติ์ จากกรณี นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ไหนๆผมก็มาบุรีรัมย์แล้ว มีญาติผู้ใหญ่ที่น่ารักเยอะ แต่ผมไม่สามารถมาลงสมัครที่นี่ได้ หากพี่น้องบุรีรัมย์ชอบผม อยากได้นักการเมืองแบบผม ช่วยเลือก ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคไทยศรีวิไลซ์ เขต 1-9 ที่บุรีรีมย์เข้าสภา ก็เหมือนได้ผมเป็น สส.ของท่าน จะขอบพระคุณอย่างสูง”
นาย มงคลกิตติ์ ได้รับหมายจับจากกรณีที่ หมิ่นประมาท กรณีที่มีกล่าวหาว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 3 หรือคลัสเตอร์ทองหล่อ ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ส.ส.เพื่อไทย ซัด ประยุทธ์ เอาชีวิตปชช.ไปเสี่ยง นโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.
นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลกำหนดให้เปิดเรียนในโรงเรียนพร้อมกันในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้จากการระบาดของไวรัสโควิดที่รัฐที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ มีคนติดเชื้อวันละ 10,000 ราย ชี้ให้เห็นว่ารัฐล้มเหลวในการคุมการระบาดของไวรัส
รัฐบาลได้กำหนดให้มีการฉีดวัคซีนใน 21 จังหวัดในพื้นที่สีแดง โดยจัดการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี รัฐบาลควรที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายโดยการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเด็กนักเรียนสายอาชีพทั้งปวช.-ปวส. ไปจนถึงมหาวิทยาลัยเพิ่มด้วย เพราะมีเป็นความจำเป็นเช่นกัน หน้าที่ของรัฐคือจัดหาวัคซีนคุณภาพให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ควรไปบังคับให้ฉีดวัคซีนที่รัฐจัดให้ ซึ่งหลายคนยังไม่เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน อยากถามพลเอกประยุทธ์ ว่าเด็กคนไหนฉีด ได้เข้าเรียน แล้วนักเรียนที่ไม่ฉีดจะมีสิทธิเข้าเรียนหรือไม่ รัฐบาลต้องชัดเจนในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ อย่าโยนภาระให้โรงเรียนหรือผู้ปกครอง
นายวันนิวัติ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นักเรียนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนชายหลายคนยังคงกังวลกับผลข้างเคียงของวัคซีน โดยเฉพาะนักเรียนชายพบว่าเกิดปัญหาคือ อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เด็กไม่กล้าฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ รัฐบาลไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีนให้กับประชาชนได้เลย รวมทั้งหากมีผลข้างเคียงก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ เพราะจะอ้างว่าเกิดจากโรคส่วนตัว รัฐอยากให้ฉีด ต้องไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบหากเกิดปัญหาหลังการฉีดวัคซีน
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เลือกที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เอื้อกับนโยบายเปิดประเทศที่พลเอกประยุทธ์ ประกาศไว้ โดยเอาชีวิตของประชาชนไปเสี่ยง กับ การระบาดรอบใหม่หลังเปิดประเทศ ทั้งๆ ที่การฉีดวัคซีนให้ประชาชนรัฐบาลควรทำตั้งนานแล้วแต่ไม่ทำพลเอกประยุทธ์ ไร้ความรับผิดชอบไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้ประชาชน สุดท้ายเบี่ยงประเด็นโดยการเปิดประเด็นใหม่เพื่อกลบรอยแผลที่ตัวเองสร้างไว้” นายวันนิวัติ กล่าว
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป