เปิดวงจรปิดนาที โจรปล้นทอง 215 บาทกลางห้างดัง ปืนจ่อ-ขู่บึ้ม

เปิดวงจรปิดนาที โจรปล้นทอง 215 บาทกลางห้างดัง ปืนจ่อ-ขู่บึ้ม

วันที่ 8 มี.ค. รอง โฆษกตำรวจ เปิดเผยกรณีคนร้ายเป็นชาย 1 ราย สวมวิก ใช้ปืนลูกโม่ข่มขู่ชิงทรัพย์ สร้อยคอทองคำน้ำหนักกว่า 215 บาท ของร้านทองแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ถ.พระราม 4 ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ นั้นทราบต่อมา คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 35 ปี สูงประมาณ 170 ซม. 

นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมเสื้อไหมพรมถักสีขาวคาดม่วง ใส่วิกผมยาวพร้อมใส่ถุงมือ เมื่อปลอดคนจึงเข้าไปใช้ปืนลูกโม่เล็งพนักงานร้าน ก่อนจะได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนักรวม 215 บาท คิดเป็นเงิน 3,181,600 บาท ไป แล้วพูดกับพนักงาน ว่า “อย่าส่งเสียงดัง เดี๋ยวมีระเบิด” พนักงานเกิดความกลัว ส่งถุงที่ใส่ทองให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป ออกทางหน้าห้างด้านถนนพระราม 4 ทั้งนี้กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านทองสามารถจับภาพของคนร้ายได้ ขณะลงมือชิงทรัพย์ ก่อนหลบหนีไป

2 ผัวเมียร้านมือถือรมควันฆ่าตัวตาย – เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 7 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลอง จ.แพร่ รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตในะรถกระบะ มิตซูบิชิ สีดำ 4ประตู ยกสูง หมายเลขทะเบียน กค 6994 แพร่ 2 ราย ที่เพิงพักข้างทาง ริมถนนสายลำปาง-เด่นชัย กม.400-401 ม.2 ต.แม่ปาน อ.ลอง

ที่เกิดเหตุพบรถจอดล็อกประตูไว้ ที่เบาะนั่งคนขับพบศพ นายเสกสรรค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี เบาะข้างคนขับพบศพ นางแพรวพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ทั้ง 2 ศพเป็นสามีภรรยากัน อยู่ในสภาพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน พร้อมกันนี้พบเตาไฟ ถุงถ่าน 2 ถุง และยังพบยานอหลับ คาดว่าผู้เสียชีวิตรมควันฆ่าตัวตาย

เบื้องต้น ทราบว่า ทั้งคู่เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ ทั้มีปัญหาเกี่ยวกับเล่นแชร์ออนไลน์ ถูกชาวบ้านแจ้งความไว้ที่ สภ.สูงเม่น ระบุว่าถูกผู้เสียชีวิตโกงแชร์ไปหลายล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเคยพยายามจะฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จนมาพบเป็นศพดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรอีกครั้งที่รพ.ศูนย์ลำปาง ก่อนดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

วันที่ 8 มี.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก YouLike รายงานปัญหาสังคม กรณีเด็กต่างจังหวัด 2 คนซึ่่งเดินทางขึ้นมากรุงเทพมาสอบ ปรากฏว่าเรียกแท็กซี่เดินทางจากหมอชิตไปรังสิต ที่แท้จริงแล้วราคามิเตอร์ไม่เกิน 200 บาท แต่แท็กซี่คนดังกล่าวเรียกเก็บถึง 1,800 บาท โดยข้อความระบุไว้ดังนี้

#ค่าแท็กซี่หมอชิตรังสิต1800

“คุณคิดว่าเด็กต่างจังหวัดเดินทางมาสอบจะมีเงินติดตัวมาเท่าไหร่ #คุณถึงได้ทำแบบนี้กับเด็ก ”

…เด็กสองคนนี้ เป็นหลานผม เดินทางจากสงขลามาลงหมอชิตเพื่อจะมาสอบ พอถึงหมอชิต ก็ขึ้นเเท็กซี่จะมารังสิต ถูกแท็กซี่คันนี้เรียกเก็บเงินค่าโดยสาร900บาท โอ้ว!!!!ค่าเเท็กซี่900ฟังดูแพงแล้วใช่มั้ยครับ แต่เรื่องไม่ได้จบลงที่900นะครับ ปรากฎว่าแท็กซี่คันนี้เรียกเก็บ900ต่อคน โหดเหี้ยมมาก เท่ากับหมอชิต-รังสิตคุณเรียกเก็บเด็กไป1,800(ซึ่งปกติแล้วแท็กซี่มิเตอร์หมอชิต-รังสิต(เวิร์คพอย)ราคาอยู่

ประมาณ100กว่าบาทไม่เกิน200)เด็กก็ต้องยอมจ่ายให้ไปเพราะเพิ่งมากรุงเทพครั้งแรก ไม่รู้ว่าหมอชิต-รังสิต มันไกลแค่ไหน มันอยู่ตรงไหนและอยู่ในฐานะจำยอม พอถึงบ้าน เด็กก็มาถามผมว่า ทำไมค่ารถแพงจัง พอเด็กบอกราคามา ผมนี่ร้องห๊ะ!!!!ขับรถออกไปตามแต่ไม่ทัน. ผมจะไม่ปล่อยคุณลอยนวลแน่ ผมตามสุดทางแน่ แล้วเจอกัน คุณไม่ต้องห่วง คุณมันเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม

…ทำไมคุณทำแบบนี้ ทำไมหากินแบบนี้ ทำไมต้องคอยหากินกับคนไม่รู้. หัวจิตหัวใจคุณทำด้วยอะไร คุณรู้มั้ยว่าเด็กบ้านนอกเดินทางมาสอบ เขาจะได้เงินติดตัวมาสักเท่าไหร่ คุณปล้นเด็ก!!!ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีคนตกเป็นเหยื่อของคุณกี่คนแล้ว. และจะมีอีกกี่คนที่จะเป็นเหยื่อรายต่อไปของคุณ

#หมายเหตุ ป้ายทะเบียนแท็กซี่คันนี้ กฎ.3630 กทม.สีเขียวเหลือง

ชื่อป้ายในรถคือ นายประจันทร์ สิงห์ขรณ์

สามีขี้หึง เห็นภรรยาสวมเสื้อที่คนอื่นซื้อให้ ทะเลาะกันพลาดจุดไฟคลอกภรรยาสาหัส

วันที่ 7 มี.ค. จากกรณีเฟซบุ๊ก Satijaree Insakorn ได้โพสต์เรื่องหญิงสาวรายหนึ่งถูกสามีราดน้ำมันจุดไฟเผา บาดเจ็บสาหัสมีแผลพุพองทั่วใบหน้าและร่างกาย หน้าบ้านพัก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา รักษาตัวอยู่ห้อง ICU

สามีที่ก่อเหตุทราบชื่อ คือ นายวัชระ ขลุ่ยนาค อายุ 33 ปี ศาลออกหมายจับ ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว

ล่าสุด นายวัชระ ขลุ่ยนาค อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่ามีปากเสียงกันเรื่องหึงหวง เนื่องจากพบว่าเสื้อตัวใหม่ที่ภรรยาสวมใส่อยู่นั้นมีผู้ชายซื้อให้ ด้วยความโกรธจึงนำน้ำมันใส่ขวดพร้อมกับจุดไฟแช็คขู่ แต่ยื้อแย่งกันจนน้ำมันหกไปโดนตัวของภรรยา เกิดประกายไฟติดทั่วร่างดิ้นทุรนทุราย ซึ่งญาติก็ได้เข้ามาช่วยเหลือกันดับไฟให้ แล้วรีบตัวนำส่งยังโรงพยาบาล

ด้านพ่อและแม่ของนาย วัชระ ขลุ่ยนาค ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ที่มีผู้นำรูปภาพและข้อความไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กกล่าวหาว่าลูกชายตั้งใจจุดไฟราดน้ำมันภรรยานั้นไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาทางครอบครัวได้ดูแลเอาใจใส่ลูกสะใภ้เป็นอย่างดี ทั้งคู่ก็รักกันมากแต่ก็อาจจะมีปากเสียงทะเลาะหึงหวงกันบ้างตามประสา หลังเกิดเหตุก็ได้ไปเยี่ยมดูอาการด้วยความเป็นห่วงเป็นใยทุกวัน ขอยืนยันว่าลูกชายรักภรรยามาก ทุกวันนี้มีลูกด้วยกันถึง 3 คน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป